ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เป็นสินค้าทางการเงินอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความสนใจ โดยเฉพาะผู้ที่สนใจจะทำประกันที่สามารถออมเงินไปด้วยได้ แต่บางคนก็อาจจะยังลังเลอยู่เพราะคิดว่าต้องออมเงินในระยะยาวหลายปี หากยกเลิกกรมธรรม์ก็ต้องเสียเงินเพิ่มเติมขึ้นมาอีก แต่ว่าอย่าให้เหตุผลเพียงเท่านี้ปิดกั้นข้อดีของประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เลยค่ะ ว่าแต่ประกันในรูปแบบนี้ดีอย่างไร มาหาคำตอบกันได้ที่นี่
- เป็นหลักประกันให้คนข้างหลัง ในกรณีที่ผู้ทำประกันเสียชีวิต เงินชดเชยที่ทางบริษัทประกันได้จ่ายให้นั้นก็เปรียบเสมือนเงินฉุกเฉินที่สร้างประโยชน์แก่คนข้างหลัง โดยเฉพาะถ้าคนเสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัว เงินก้อนนี้ก็จะช่วยให้ลูกหลานลำบากน้อยลง
- ผลตอบแทนแน่นอน โดยมีการกำหนดจำนวนเงินตอบแทนว่าจะได้เท่าไร ภายในระยะเวลาไร ซึ่งผลตอบแทนนี้จะไม่ขึ้นอยู่กับความผันผวนทางเศรษฐกิจ
- ไม่ต้องเสียภาษี ผลประโยชน์ที่ได้จากประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์นั้น ไม่ต้องเสียภาษี ไม่ว่าจะในกรณีที่ผู้ทำประกันเสียชีวิตแล้วลูกหลานได้เงินก้อน หรือในกรณีที่อยู่ครบอายุสัญญาแล้วได้เงินคืน ก็ไม่ถูกหักภาษีเช่นเดียวกัน ต่างจากการซื้อพันธบัตร หุ้นกู้หรือการฝากเงินในธนาคาร ที่เมื่อได้รับดอกเบี้ยก็จะเสียภาษีทั้งหมด
- มีวินัยในการออม การทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์นั้น จะต้องจ่ายเบี้ยประกันเป็นงวดๆ ซึ่งอาจจะจ่ายเป็นรายเดือน, 3 เดือน, 6 เดือน หรือรายปีก็ได้แล้วแต่เงื่อนไขของกรรมธรรม์ที่เลือก ซึ่งจะต้องจ่ายไปจนกว่าจะครบอายุสัญญาและจะได้เงินก้อนคืนหากอยู่ครบอายุสัญญา ดังนั้นจึงไม่ต่างอะไรจากการฝากเงินธนาคารในแบบฝากประจำเลย จึงช่วยฝึกวินัยด้านการออมเงินไปในตัว
- ลดหย่อนภาษีได้ หากเลือกทำประกันสะสมทรัพย์ที่มีระยะคุ้มครองนาน 10 ปีขึ้นไป สามารถนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาท
และนี่ก็เป็นข้อดีของการทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ใครที่ยังลังเลก็ลองนำข้อดีเหล่านี้ไปทบทวนกันดูได้ อย่างไรก็ตามประกันชีวิตแต่ละประเภทนั้นมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน อีกครั้งเป้าประสงค์หลักของการทำประกันคือการคุ้มครองชีวิต ดังนั้นการออมเงินถือเป็นเป้าหมายรอง และสามารถออมด้วยวิธีอื่นได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นก่อนจะตัดสินใจอย่าลืมทบทวนเป้าหมายที่แท้จริงของการทำประกันด้วยนะคะ และหากใครที่กำลังมองหาแผนประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์อยู่แล้วละก็ สามารถเข้ามาอ่านรายละเอียดของเราได้ที่ https://www.kwilife.com/