ขายทองรูปพรรณทำไมได้ราคาต่ำกว่าทองคำแท่ง

ทองรูปพรรณออกแบบมาเพื่อการสวมใส่ซึ่งหากใส่ทุกวันย่อมมีการสึกหรอและเนื้อทองหายไป ทำให้น้ำหนักลดลง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกที่ทำให้การขายทองรูปพรรณได้ราคาที่ต่ำกว่าทองคำแท่ง ซึ่งจะมีอะไรบ้าง บทความวันนี้เราได้รวบรวมมาให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ

 

1. ราคาทอง

ราคาทองมีการผันผวนขึ้นหรือลงอยู่ตลอดเวลาในวันที่คุณซื้อ ตามสถานการณ์เศรษฐกิจ การขายทองในช่วงเวลาที่ราคาต่ำกว่าราคาซื้ออาจทำให้ขายด้วยราคาที่น้อยกว่าตอนซื้อไป

2.ค่ากำเหน็จ

ราคาขายทองรูปพรรณที่ได้ต่ำกว่าทองคำแท่ง ต้องบอกก่อนว่าหากคุณต้องการซื้อทองไว้เพื่อเก็งกำไร ทองรูปพรรณอาจไม่เหมาะ เนื่องจากมีค่ากำเหน็จหรือค่าจ้างออกแบบของช่างที่แพงกว่าทองคำแท่ง ขึ้นอยู่กับความยากของลวดลายของทองรูปพรรณที่คุณต้องการซื้อ ส่วนทองคำแท่งจะมีค่าบล็อกหรือค่าพรีเมียมเพิ่มเข้ามาเพียงเล็กน้อย แต่ยังคงถูกกว่าค่ากำเหน็จทองรูปพรรณ เพราะทำได้ง่ายกว่า

3. การเสื่อมสภาพ

ทองรูปพรรณเป็นเครื่องประดับที่หลายท่านนำไปใช้งานหรือสวมใส่ตลอดเวลา ผ่านน้ำผ่านเหงื่อคราบไคลต่างๆ และอาจสึกหรอ เสื่อมสภาพได้ เนื้อทองที่หายไปจากการใช้งานจึงเป็นต้นเหตุของการขายทองรูปพรรณที่ได้ราคาต่ำกว่าทองคำแท่ง ซึ่งทองคำแท่งส่วนใหญ่เมื่อซื้อมาจะนำไปเก็บไว้ ทำให้เนื้อทองยังอยู่ครบ ไม่เสื่อมสภาพ อีกทั้งตามหลักเกณฑ์ประกาศของ สคบ. การรับซื้อคืนทองรูปพรรณของร้านค้าทอง จะหัก 5% จากราคาทองคำแท่งรับคืนประจำวันที่สมาคมประกาศไว้

4. น้ำหนักทอง

ทองรูปพรรณและทองคำแท่ง แม้จะนับเป็น 1 บาทเท่ากันแต่น้ำหนักที่แท้จริงไม่เท่ากัน โดยน้ำหนักทองรูปพรรณ 1 บาท หนัก 15.16 กรัม และทองคำแท่ง 1 บาท หนัก 15.244 กรัม ทำให้ราคาทองคำทั้งสองแบบที่ราคา 1 บาท จะไม่เท่ากันไปด้วย ซึ่งราคาทองรูปพรรณจะต่ำกว่า

 

อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการซื้อทองคำไว้เพื่อการเก็งกำไร การซื้อทองรูปพรรณอาจจะยังไม่ตอบโจทย์นักจากเหตุผลที่ได้กล่างไว้ แนะนำเป็นการซื้อทองคำแท่งจะเหมาะกว่า หรือหากคุณต้องการซื้อทองรูปพรรณเพื่อเป็นเครื่องประดับและสามารถนำมาขายเพื่อได้เงินคืนในอนาคตก็สามารถเลือกซื้อเป็นทองรูปพรรณได้เช่นกัน ขึ้นกับจุดประสงค์ของแต่ละคน ซึ่งหากต้องการขายทองรูปพรรณเพื่อให้ได้ราคาดี ควรหมั่นดูแลรักษาหลังสวมใส่ เพื่อรักษาเนื้อทองไว้และไม่ให้ทองรูปพรรณเสียหาย เสื่อมสภาพไปเสียก่อน